Monday, April 21, 2008

Songkran in Hong Kong

วันก่อนนัดกันกะเพื่อนๆ 3 สาวสุดฮ็อต (ปุ๊ ก้อย และตุ๊กตา)ไปเที่ยวฮ่องกง ก่อนหน้านั้น ก้อยกะตุ๊กตาชวนไปช้อปที่ London แต่ว่า เอิ่ม... เงินเดือนที่เพิ่งได้โปรโมทมามันไม่ได้มากขนาดนั้นนะเพื่อนเลิฟ แล้วเพื่อนๆก็เลยเสนอว่าเป็น Hong Kong แทน

และแล้วปุ๊ and the gang ก็สรุปว่าเราจะไป Hong Kong ช่วง 17 - 19 April เราสามมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะไปเป็นทัวร์กิน ไม่เน้นช้อป แล้วก็เยี่ยมเยียน Venetian เพราะดูในทีวีมามันเจ๋งมากๆ

เราไปพักกันที่ Ibis North Point, Hong Kong ราคาประหยัด เพราะออกจะไกลจากแหล่งช้อป เอ้ย.. อาหารไปหน่อย แต่ก็ใกล้สถานี MTR เข้าไป check in ก็ขอเตียงเสริม เค้าบอกว่า ไม่มีเตียงเสริม เล่นเอาเง็ง... แต่พอเข้าไปในห้องพัก โอ้ แม่ เจ้า!!! เข้าใจแล้วว่าทำไมไม่มี มันแคบมากกกกกก นึกว่าอยู่ญี่ปุ่นซะอีก กระเป๋าวาง 3 ใบ ไม่มีทางเดิน แล้วต้องนอนพื้นคนนึง ก็เลยต้องเล่นไพ่สลาฟเพื่อหาคนนอนพื้น hahaha






แหะ แหะ... แต่ก็อ่ะนะ จะไม่ช้อปเลยมันก็ยาก สุดท้ายก็ช้อปบ้างงงงง แก้เครียดกับการนอนโรงแรมแคบๆ




อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์พอสมควรเป็นบางมื้อ ดูรูปเอาละกัน (เฉพาะมื้อดีๆนะ)

มื้อเย็นที่ Tai Woo Restaurant, Causeway Bay






ไอ้เล่มแดงๆนั่นเป็นคู่มือ Best of the Best Restaurant ที่เราใช้เปิดหาร้านกินกัน

ซากความเสียหาย

ผู้จัดการร้านชวนให้ถ่ายรูปด้วย พร้อมกับ Lobster ที่ชื่อว่า Peter


Dim Sum อร่อยมากกกกกกกกก at Mariott, Pacific Place











เรายังข้ามเรือ Ferry ไป Macao เพื่อไปเยี่ยม The Venetian มาด้วยล่ะ เดินทางข้ามเรือจากฝั่ง Kaoloon ตรง China Ferry พอเรือไปถึงแล้ว ก็มี Shuttle bus ของทางโรงแรมไปส่งถึงที่ สะดวกสบายตามอัตภาพ ถ้าไม่นับที่อากาศไม่ดีพายุเริ่มจะมาเยือน เรือ Ferry ก็เลยเป็น บรรยากาศล่องแก่ง แถมมีเสียงโอ้กอ้ากเป็นระยะ โรงแรมสวยเก๋มากๆเลยล่ะ ละลานตาสมคำล่ำลือ Casino ก็ใหญ่เชียว งานนี้ปุ๊ไม่ได้เล่นอะไร ได้แต่เชียร์เพื่อนตุ๊กกะเพื่อนก้อย โดยเฉพาะเพื่อนก้อยนี่ ระหว่างนั่งเรือไปก็หลับแล้วฝันว่า เดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเจอ ขรี้ เต็มไปหมด ถูกแล้วค้าบ ขรี้ ตามตำราทำนายฝันบอกว่า ฝันเห็นขรี้จะได้ลาภ

เจอแบบนี้ เพื่อนก้อยซึ่งทีแรกว่าจะไปเดินชมกะปุ๊ ระหว่างปล่อยให้เพื่อนตุ๊กนั่งโต๊ะ Blackjack ก็เลยขอซะหน่อย หยอด Slot ไป 20 HKD งมอยู่นานว่าเล่นยังไง เกือบจะถอดใจแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้ jackpot ได้มา 53 HKD รีบเอาเงินออกเลย เดินไปอวดเพื่อนตุ๊ก แล้วมันก็เกิดอาการโลภ ฝากเพื่อนตุ๊กลงตาสุดท้าย เล่นไป 100 HKD เพราะความโลภก็เลยหมด ขาดทุนไป 47 HKD hahaha...












วันสุดท้าย ทีแรกก็กะว่าจะหนีโดนสาดน้ำ ที่ไหนได้ล่ะ เจอพายุเข้าเปียกโทรมไปหมด แถมขากลับเครื่องบินยัง delay ไป 2 ชั่วโมงอีก

งานนี้คุณนายก็เลย... หมดสภาพ (- -')

Sunday, April 6, 2008

น้องนาย ณ สามชุก ตลาดร้อยปี

หลานชายสุดเลิฟที่ตอนนี้กำลังเห่อมากๆ ชื่อ น้องนาย ณ สามชุก ตลาดร้อยปี ช่วงหลังๆนี่เวลาไปบ้านยายทีไร ไม่ค่อยอยู่กะยายหรอก แป๊บเดียวก็แว่บไปอุ้มน้องนายเล่นอยู่หลายชั่วโมงจนกล้ามแขนจะขึ้นแล้ว ตอนนี้น้องนายอายุ 6 เดือน ไม่รู้หนักเท่าไหร่ แต่ตอน 5 เดือนนี่ หนักไป 7.5 กิโล อุ้มแต่ละทีก็เมื่อยแขน กล้ามแทบขึ้น เรียกว่าไม่ต้องยกเวทให้เหนื่อยเลย

เมื่อวานไปเล่นๆกะน้องนายก็เกิดไอเดียอยากแกล้งเด็กไปเรื่อย แถม อัน แม่ของน้องนายเองยังร่วมมืออีก พอนายเห็นปุ๊กินหมูแดดเดียวทอด ก็มองแบบว่า จ้องเลย แถมอ้าปากอยากจะกินมาก แต่ว่านายเพิ่งมีฟันล่างขึ้นนิดๆ 2 ซี่ ปุ๊ก็เลยยื่นให้ไปแตะๆลิ้นเล่น อันที่อุ้มนายอยู่ก็แกล้ง ดึงตัวนายที่กำลังพยายามโน้มตัวอ้าปากมาชิมหมูทอด นายก็ร้อง แอ๊ะ พร้อมบรรยายว่า เนี่ยะ เดี๋ยวคอยดูนะ พอขัดใจเข้ามากๆ ก็จะร้อง เราก็เลยร่วมมือกันอยู่เกือบสิบครั้งเห็นจะได้ สุดท้ายคราวนี้ร้องจริง แต่ร้องแบบว่า แอ๊ะ หือ หือ แอ๊ะ แล้วก็ทำเหมือนจะยิ้มประจบ แล้วก็หือ หือ แอ๊ะใหม่อีกรอบ ฟังแล้วสงสารก็สงสาร ขำก็ขำ จะร้องไห้หรือหัวเราะประจบอยากกินหมูกันแน่คับน้องนาย สุดท้ายพอยอมให้เอาหมูแตะลิ้นแล้ว นายก็ทำท่าเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยหมุบหมับๆ เสียดายไม่มีภาพมาให้ดู เพราะมัวแต่ขำ ฟันก็เพิ่งจะเริ่มขึ้น ในปากก็ไม่มีไรให้เคี้ยวหรอก แต่ท่าทางเค้าอร่อยจริงๆ

เท่านั้นยังไม่พอ ทีนี้ปุ๊มีถุงผ้าลดโลกร้อน ของ SCB อยู่ ก็เลยจับนายใส่ถุง เตรียมหิ้วกลับบ้านมาอยู่ด้วยกันเลยทีเดียว

Saturday, March 22, 2008

ความทุกข์


อ่านเจอจากนิตยสาร online ธรรมะใกล้ตัว ที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ได้เทศน์เอาไว้เกี่ยวกับความทุกข์ อ่านแล้วชอบเลยเอามาแบ่งปันกันนะคะ


ความทุกข์... ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมของชีวิต
และศาสนาพุทธก็เป็นศาสนาเดียวที่สอนให้เรากล้าเผชิญหน้ากับมัน
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราวิ่งหนีทุกข์ ไม่ได้สอนให้เราวิ่งหาความสุข
แต่สอนให้เข้าไปทำความรู้จักกับมัน
เพื่อที่จะได้เป็นอิสระจากมัน


และความทุกข์ก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล
ทุกข์ไม่ได้อยู่ที่คนที่ทิ้งเรา ไม่ได้อยู่ที่ศัตรู ไม่ได้อยู่ที่คำพูดบาดหู ไม่ได้อยู่ที่ก้อนหนี้
แต่อยู่ที่ตรงนี้ ...ที่จิตที่ใจของเรานี้เอง


อ่านเพิ่มเติมหรือไปโหลด MP3 ที่หลวงพ่อเทศน์ไว้ได้ที่ http://www.wimutti.net/pramote/

อ่าน ธรรมะใกล้ตัว หรือสมัครสมาชิกได้ที่นี่ค่ะ http://dungtrin.com/mag/


Thursday, February 21, 2008

Graduation!!!

Yeah!!! ในที่สุด ปุ๊ก็ได้ officially หมดภาระแล้ว วันนี้เป็นวันรับปริญญาของไอ้ลูกชาย หรือเก่ง น้องชายสุดเลิฟที่เลี้ยงต้อย ส่งเสียกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ ตอนนั้นน้องเรียนมัธยม หลายปีผ่านไป Finally, I'm officially off the hook. hahaha...

การที่เลี้ยงดูน้องเต็มตัวมานาน ได้เห็นช่วงเวลาต่างๆในชีวิตที่ค่อยๆเดินข้ามผ่านไป (เอ... ประโยคนี้คุ้นๆ เหมือนจะยืมพี่บอย ป๊อดมายังไงก็ไม่รู้ดิ) ตอนที่น้องเรียนมัธยมปลายก็คอยกระตุ้นให้อ่านหนังสือ จนกระทั่งน้องเอ็นท์ติดวิศวะ ลาดกระบัง คืนนั้นที่รู้ผล จำได้ว่าตัวเอง ยิ้มไม่หุบ เข้านอนแล้วก็ยังยิ้ม ปลื้มใจและก็ภูมิใจมากที่น้องประสบความสำเร็จไปอีกขั้น

ช่วงเวลาสี่ปีที่มหาลัย พี่สาวก็กลัวน้องจะขี้เกียจ ติดผู้หญิง ติดยา สารพัด เป็นห่วง กังวลไปหมด เตือนบ้าง ด่าบ้าง แต่น้องก็รู้นิสัยว่า ด่าไปงั้นแหละ เพราะเวลาน้องมาอ้อนขออะไร สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมให้อย่างที่น้องขอตลอด

แต่แล้ว... สี่ปีผ่านไป น้องก็เรียนจบ พี่สาวคนนี้ก็คอยเล่น role play เตรียมการสัมภาษณ์งานกะน้องชาย แบบ version ไทยและอังกฤษ และแล้วน้องก็ได้งานทำ สัมภาษณ์ไปหนเดียวเอง อุตส่าห์ซ้อมแทบแย่ อิ อิ.. โค้ชดีก็งี้แหละ

ด้วยความดีใจและใจอ่อนกับเสียงอ้อน พี่สาวก็เลยยอมควักเงินก้อนใหญ่ไปดาวน์รถให้เป็นของขวัญรับปริญญาน้องชาย เล่นเอาโดนกัดจากพี่ๆที่ office ว่า แกเก็บเงินไว้ขอเมียให้มันหรือยัง เอิ่ม...

นึกๆย้อนไปแล้ว ก็เขียนไปยิ้มไป เวลาที่เราประสบความสำเร็จ พ่อแม่ก็คงรู้สึกแบบนี้เหมือนกันนะ คงจะมากกว่านี้ด้วยซ้ำเนอะ จะว่าไปกลยุทธ์ของแม่ที่ให้ปุ๊เป็นคนเลี้ยงดูน้องก็เป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดเลยทีเดียว นอกจากแม่จะประหยัดเงินแล้ว ยังทำให้ปุ๊มีความรับผิดชอบ แถมพี่สาวและน้องชายก็ผูกพันกันอีก แน่มากๆเลยแม่เรา

งานรับปริญญาปีนี้ของลาดกระบังจัดกันที่ไบเทค บางนา คนเยอะมาก เราสองคนพี่สาวและน้องชายไปถึงกันตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า ไปเจอกะพ่อแม่ ตายาย และญาติๆที่นั่น งานนี้มีน้องพล ลูกชายของน้ารับปริญญาด้วยอีกคน วิศวะ ลาดกระบังเหมือนกัน ถ่ายรูปกันไปพอให้เก็บบรรยากาศแห่งความปลื้มมม ด้วยกล้องพอลล่าที่ตั้งใจซื้อมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ สุดท้ายก็ได้ออกงานอย่างที่ตั้งใจไว้ซะที เนื่องจากกล้องนี้ซื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนน้องเรียนจบใหม่ๆ แล้วงานรับปริญญาก็เลื่อนๆๆข้ามปีมา พอลล่าของปุ๊เลยตกรุ่น โดนกล้องน้องบี้ cybershot ของอากงแซงหน้าไปซะงั้น (คิกๆๆ อากงมาแบบเท่ห์มากมีกล้องน้องบี้ห้อยคอมาเลยทีเดียว)

ดูรูปกันซะหน่อยละกัน เดี๋ยวพอลล่าจะน้อยใจ



วันถ่ายรูปหมู่ที่ลาดกระบัง


ไอ้ลูกชาย


สามคนซ้ายมือไม่รู้ชื่อไรกันมั่ง เก่งอยู่ขวาสุด


หญิงกะเก่ง (ดูจากรูปคงไม่ต้องอธิบายว่าหญิงเป็นใคร)



ที่ไบเทคท่ามกลางฝูงชน

เก่งถ่ายกับอากงอาม่าสุดเลิฟ

เก่งกับอาม่า




ป๊ะป๋า เก่ง หญิง และแม่ (ดูแล้วจะงงว่า มันสูงเหมือนใครเนี่ยะ)


อ่ะนะ


น่ารักดี


เก่งกับแม่


เก่ง ปุ๊ และพล


สามคนพี่น้อง


พี่สาวกะน้องชาย


ฮึ่บ.. ฮึ่บ..

ขอโทษ เห็นแบบนี้เหอะ ตอนหนุ่มๆหล่อกว่าลูกชายเยอะ


Wooo Hoooooooo!!!


แกเป็นใคร มาทำอะไรกับรถและกล้องของช้านนน


และพวก แก แก แกด้วย


ไอ้อ้วนนี่ใคร


ไอ้ดำนี่ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย


หนอย.... พวกแก๊....

ผมป่าวค้าบ... ไอ้นี่ค้าบ (ฉลาดจริงน้องชั้น)