Friday, September 28, 2007

เรื่องมันเศร้า (จริงๆนะ)

วันจันทร์นี้ก็ต้องกลับไปทำงานอีกแล้ว วันเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ เฮ้อ... เศร้า ช่วงนี้ปุ๊ค่อนข้างเครียดเนื่องจากว่า ตอนไปแมวเบิ้นออกจะตามใจปากไปมากพอตัว ก็เล่นกิน Krispy Kreme รส Orginal Glazed แก้ว่างแทบทุกวัน ไอ้ร้านมันก็ใกล้บ้านบีอีก ข้ามถนนไปนิดเดียวก็ถึง ใครจะไปอดใจไหว ก็โดนัทมันนุ่มลิ้น หวาน หอม อร่อยซ้า... แล้วไหนจะอาหารอร่อยอีกนับไม่ถ้วนที่เคยสาธยายมาแล้วในตอนก่อนๆทั้งทำเอง และที่ไปสรรหาของอร่อยกันมา อ่ะนะ...

วันก่อนไปงานศพ ก็เลยต้องเอากระโปรงทำงานสีดำมาใส่ ถึงกะร้องเจี๊ยกกกก กระโปรงมัน มัน มัน รูดซิปยากมาก น้ำหนักขึ้นมา 3-4 กิโลเห็นจะได้ นี่ขนาดกินขนมไป เล่น Wii ไปด้วยเป็นการออกกำลังกายแล้วนะ กำๆๆ

เรื่องมันเศร้าจริงๆ ช่วงนี้ก็เลยต้องฟิตความพร้อมของร่างกายเป็นอย่างหนัก เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ต้องกลับไปทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เป็นขี้ข้ารับใช้ ให้คุณลูกค้าสุดที่รักทั้งหลายโขกสับ ค่อนขอด ด่าว่าอีกสารพัด ชีวิตอย่างกะนางเอกหนังน้ำเน่า หรือว่าเราทำงานเป็นคุณแจ๋ว เลยต้องโดนคุณนายโขกสับหว่า ไม่จริ๊งงง หน้าตาคุณนายขนาดนี้ ชั้นก็สู้คนนะยะ

ใครว่า งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข ไม่เห็นจะอยากกลับไปทำงานเล้ยยย

เศร้าอ่ะ

Sunday, September 23, 2007

Let's Exercise!!!

ช่วงนี้ระหว่างที่หยุดงาน ก็เลยแก้ว่างด้วยการไปออกกำลังใกล้ๆบ้าน เนื่องจากว่าสาเหตุที่หยุดงานก็มาจากความเบื่อผสมอาการภูมิแพ้ ซึ่งหมอทุกคนบอกว่า โรคภูมิแพ้จะแก้ได้ก็ต้องออกกำลังกายเท่านั้น ปุ๊ก็เลยไปเดินมั่ง วิ่งมั่งที่สวนของกรมประชาสัมพันธ์ ได้เหงื่อออก สูดอากาศดีๆก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆถ้ามีเวลาว่างก็ไปเดินออกกำลังบ้างนะค้า เพื่อสุขภาพที่ดีค่า...

วันนี้ออกไปเร็วหน่อย ยังไม่ค่อยมีคนมาวิ่ง ก็เลยได้โอกาสเก็บภาพมาฝาก อาจจะไม่ค่อยชัดนักเพราะถ่ายจากมือตื๋อนะคะ ใครดูแล้วสนใจจะมาวิ่งด้วยกันก็บอกได้นะค้าบพี่น้องงง

พิพิธภัณฑ์การกระจายเสียง อยู่ในกรมประชาสัมพันธ์ หลังหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ส่วนอีกด้านอยู่ติดกับกรมสรรพากรค่ะ


บรรยากาศสวนรอบๆพิพิธภัณฑ์






ที่ยกน้ำหนักแบบเศรษฐกิจพอเพียง อิ อิ... เรียกซะหรู

สนามเทนนิสและสนามบาส/ฟุตบอล


Saturday, September 22, 2007

เรื่องของไข่

วันนี้ตื่นนอนมาก็นึกอยากกินไข่ Poached Egg ก่อนนี้เคยอยากกิน Poached Egg มาก ตอนที่ไป St. Kilda Beach ไอ้ไข่ก้อนกลมมันดูดีเชียว ตอนที่ไป Cairns AKA. เมืองอ้วก ก็เลยกินมันทุกวัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นการล้างแค้นจนถึงกับเบื่อไข่ไปนานประมาณนึงเลยทีเดียว



นึกไปนึกมา ก็เลยมาถามป๋ากูเกิ้ลว่า ทำยังไง อ่านๆไปก็เลยคิดว่า เอาสูตรมาแปะใน blog ดีก่า เผื่อจะมีใครเอาไปลองทำ ถ้าทำแล้วเวิร์คก็มาบอกกันบ้างนะค้า...

1) Use a pan that is at least 3 inches deep so there is enough water to cover the eggs and they do not stick to the bottom of the pan. To prevent sticking, grease the pan with a little oil before filling with water.

2) Bring the poaching liquid to a boil and then reduce to a simmer before adding the eggs (bubbles should not break the surface).

3)Break each egg onto a saucer or into small cups or bowls.

4)Try creating a gentle whirlpool in the simmering water and slip your egg into the middle of that. This tends to keep the white from dissipating. Then, slip eggs carefully into slowly simmering water by lowering the lip of each egg cup 1/2-inch below the surface of the water. Let the eggs flow out. Don't put too many in the pot at one time. Immediately cover with a lid and turn off the heat.
HINT: When you poach eggs, try adding a little vinegar and salt to the water. Vinegar helps the egg to hold its shape by causing the outer layer of the egg white to congeal faster. Without it, the eggs will become skeins of protein tangling up in the water.

5) Set a timer for exactly 3 minutes for medium-firm yolks. Adjust the time up or down for runnier or firmer yolks. Cook 3 to 5 minutes, depending on firmness desired.
HINT: Don't disturb the egg once you have put it in the water!

6) Remove from water with slotted spoon. Lift each perfectly poached egg from the water with a slotted spoon, but hold it over the skillet briefly to let any water clinging to the egg drain off. Drain well before serving.

ระหว่างเปิดๆดูก็เจอตารางการต้มไข่ อันนี้เอามาฝากเหมือนเจี๊ยบโดยเฉพาะเลย

Use the following cooking times as a guide for the desired firmness for the yolk of each egg size (the whites will be firm):



แต่เวลาในตารางนี่สำหรับ Room Temperature Egg นะคะ ถ้าเอาออกมาจากตู้เย็นแล้วต้มเลยก็เผื่อเวลาไปอีกซัก 1-2 นาทีค่ะ

ปล. ดีใจกรี๊ดๆๆ วันนี้คุยโทสับกะน้องธีร์ น้องธีร์เรียกชื่อ ปุ๊ ได้แล้วด้วยยยย เรียกตั้งหลายรอบแน่ะ กรี๊ดๆๆๆ

Friday, September 21, 2007

ทำบุญกะน้องธีร์ (รักนะเด็กดื้อ วิ้วววว)

เห็นเป็นสาวเปรี้ยวอย่างนี้ จริงๆแล้วปุ๊ชอบทำบุญมากๆ ยิ่งทำบุญก็ยิ่งสวยขึ้นนะ ขอบอกกก เวลาทำบุญจิตใจเราก็จะแจ่มใส พอข้างในรู้สึกดี ก็จะส่งผลออกมาที่ข้างนอกผิวพรรณก็จะดูผ่องใส หน้าตาสดใส แลดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นนะ อันนี้ทั้งที่เคยอ่านหนังสือมา และที่ทดลองแล้วกะตัวเองแล้ว confirm!!! ใครจะเอาไปทดลองใช้ก็ไม่ว่ากันเลย

อาทิตย์นี้ก็ยังคงว่างงาน ก็เลยได้ไปถวายเพลพระคิมที่วัดเทพศิรินทร์ อาทิตย์นี้ไปมา 3 ครั้งแล้วล่ะ แล้วก็ได้เอาของไปบริจาคที่สภากาชาด พร้อมบริจาคดวงตาแสนสวยปิ๊งๆไปด้วย คิดเอาเองว่า ชาติหน้าจะต้องตาสวยปิ๊งๆกว่านี้อีก (ไม่ค่อยหวังผลเล้ยยย) ตอนไปที่สภากาชาดพี่เจ้าหน้าที่ที่นั่นเค้าบอกว่า คนสวยเอาของมาบริจาค คิกๆๆๆ ชอบบบบบ (ยอมรับค่ะว่า บ้ายอ แบบว่าอย่างแรง)

อ่อ.. พระคิมเนี่ยะเป็นน้องชายของบี วันก่อนที่กลับมาจากแมวเบิ้น ปุ๊ก็... ด้วยความที่ชอบกิน Krispy Kreme เป็นอย่างสูง กลัวตายไปจะไม่มีของโปรดกิน ก็เลยซื้อ Original Glazed มาถวายเพลร่วมกับที่บ้านของบีและเพื่อนๆของพระคิมด้วย คิกๆๆ ไฮโซมั้ยล่ะ ได้ข่าวว่าเป็นที่ฮือฮาในละแวกนั้นเลยทีเดียว

ผ่านไปอีกสามสี่วัน ปุ๊กับบีก็ไปถวายเพลและสังฆทานให้พระคิมอีกรอบ เมนูหรูมาก เครื่องสังฆทานนี่จัดเองใส่ตะกร้าผ้าใบใหญ่เลย มีทั้งธูปเทียน ไม้ขีด หนังสือธรรมะ ที่กรวดน้ำ เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ยาสามัญต่างๆ ทิชชู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ แชมพู มีดโกนหนวดพร้อมใบมีดสำรอง เนื่องจากน้องชายเคยบอกว่า ตอนที่บวชเนี่ยะ ไอ้ด้ามมีดเนี่ยะมีเยอะ แต่ไม่ค่อยมีใบมีดมาเปลี่ยน (ใครที่คิดว่าพระไม่มีผม ทำไมต้องใช้แชมพู คือ พระจะใช้แชมพูเวลาโกนผมค่ะ) ขอแนะนำให้ซื้อเครื่องใช้ทั้งหลายมาจัดใส่ถังใส่ตะกร้าเองนะคะ แทนที่จะไปซื้อชุดสังฆทานที่เค้าขายๆกันประเภท 199 หรือ 299 นะคะ เพราะในถังพวกนั้นเค้าเอาของไม่ค่อยมีคุณภาพนักมาใส่ แปรงสีฟันนี่ประมาณถูเข้าไปหนแรกก็เหงือกบานเลือดกลบปากกันเลย แทนที่จะได้บุญกลับจะบาปซะอีก แล้วถ้าเกิดกรวดน้ำอุทิศให้อาเหล่าม่าก็คงโดนด่ากลับมาว่าส่งอะไรมาให้ฟระ ฟันปลอมกระเจิงเลย เหอๆๆ

ส่วนอาหารเพลนี่สั่งอาหารจากร้านบ้านแม่ยุ้ย ซอยอารีย์สัมพันธ์ 1 ที่ร้านก็น่ารักมาก ปุ๊ขอให้เค้าช่วยทำอาหารให้แล้วจะไปรับก่อนเวลาเปิดร้านเพราะกลัวจะไปไม่ทันเพล เค้าก็ทำให้ แถมอาหารก็อร่อยเหมือนเดิม พระฉันหมดเลยอ่ะ ทั้งอาหารคาวและของหวานที่มีทั้ง ต้มยำกุ้งน้ำข้น กุ้งทอดกระเทียม วุ้นเส้นผัดไทย ปลาผัดฉ่า เต้าหู้ทรงเครื่อง ส่วนของหวานก็มี บลูเบอร์รี่ชีสพาย และเค้กไวท์ช็อคโกแล็ต คิกๆๆ หรูใช่มั้ยล่ะ ถ้าตายไปชั้นคงไม่อดตายแล้ววว (เอิ่ม...ตายไปแล้วจะตายอีกรอบได้ป่าวอ่ะ)

วันนี้ก็ไปมาอีกรอบ เอาขนมจีบ ซาลาเปาจากร้านวราภรณ์ไปถวาย วันนี้เตรียมกล้องไปเลย เพราะสายรายงานมาว่า น้องธีร์สุดเลิฟจะไปด้วย พร้อมกะคุณพี่นางฟ้ามารแม่ และโมอิ๊ วันนี้ก็เลยมีภาพน่ารักๆของน้องธีร์มาฝากด้วยค่ะ

ขอเม้าท์น้องธีร์หน่อยนึง ช่วงนี้เป็นเด็กวัด เอ้ย.. เป็นเด็กเข้าวัดทำบุญ ฟังพระสวดบ่อย ก็เลยสวดมนต์คลอๆไปกะพระด้วย พระขึ้นนะโม น้องธีร์ก็ขึ้น นะโม โมเม... นะโม โมเม คิกๆๆ น่ารักจริงๆเลย และคงเพราะไปหาพระคิมที่เป็นหลวงกู๋ของน้องธีร์บ่อย พอเวลาธีร์เห็นพระ ไม่เว้นกระทั่งพระพุทธรูป ธีร์ก็จะเรียก คิม คิม ไปโหม๊ด ฮ่าๆๆ เด็กอาร๊ายทำอะไรก็น่ารักไปหมด

น้าปุ๊เนี่ยะเป็นแฟนคลับน้องธีร์มาอย่างเหนียวแน่นตั้งแต่เกิดเลยทีเดียว และคงจะเป็นต่อไปอีกนานพอสมควร เพราะเด็กธีร์น่ารักน่าหม่ำแก้มกลมๆซะขนาดนี้ เราก็เด็กโรงน้ำแข็งเหมือนกะน้องธีร์ แถมชอบกินนมชมพูเหมือนกันอีก ว้ายๆๆ ช่างเหมาะสมกันอะไรเช่นนี้ ใครอยากรู้จักน้องธีร์มากขึ้นกว่านี้ก็เข้าไปดูเว็บน้องธีร์ได้นะคะ link อยู่ข้างๆค่า

เกริ่นมาซะขนาดนี้แล้ว ดูรูปที่ถ่ายมาอวดจากวัดเทพฯละกันนะคะ
โบสถ์วัดเทพฯ

กุฏิพระคิม

สระมีเต่า

น้องธีร์เก็กหน้าหล่อ คิกๆๆ

นะบีท่าทางจะหนัก อุ้มธีร์อยู่นานแล้ว

น้องธีร์และหม่าม้า คุณพี่นางฟ้ามารแม่


หน้าตาแบบนี้ ไม่อยากกินข้าวโอ๊ตแล้วล่ะสิ

ธีร์กำลังถูกใจกะร่มแดง เล่นอยู่นานเลยทีเดียว

Tuesday, September 18, 2007

วิถีแห่งความสุข - Happy Way

วันนี้มีน้องคนนึงส่งหนังสือออนไลน์ดีๆ น่ารักๆมาให้อ่าน เป็นหนังสือชื่อ วิถีแห่งความสุข โดย อ.สุรวัฒน์ เสรีวัฒนา อ่านแล้วรู้สึกชอบ เนื้อหาเข้าใจง่าย เป็นหนังสือธรรมะที่ไม่หนักเกินไป ก็เลยเอามาแบ่งเป็นธรรมทานให้อ่านกันนะคะ

สนใจคลิกเข้าไปอ่านได้ที่ http://wimutti.net/download/books/web/surawat_happy/main.htm?a=1



ขอบคุณน้องอุ๊ที่เอาสิ่งดีๆมาแบ่งปันกันนะคะ และขอให้ทุกคนได้พบกับทางดับทุกข์ค่ะ

Friday, September 14, 2007

นายแม่ อิน ออสซี่ ตอนจบ - อาหารการกินในแมวเบิ้น

วันนี้จะกลับบ้านแล้ว เป๋าก็เก็บแล้ว หลังจากที่ปวดหัวกะการจัดเป๋าอยู่สองวัน นั่งรอๆ ไม่รู้จะทำไรดี ก็เลยมาเขียนบล็อกดีกว่า แก้ว่าง คราวที่แล้วเล่าถึงอาหารที่ทำเองไปแล้ว คราวนี้เอาแบบพวกช่างสรรหามาอวดบ้าง ที่จริงก็มีอีกหลายร้านที่เป็นขวัญใจ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารจีนที่ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ คนแถวนั้นเค้าดุ ต้องรีบๆกิน รีบจ่ายเงิน กลัวอาเจ็กหน้าโหดจะด่าเอา

ร้านแรกชื่อ Fringe อยู่ที่ St. Kilda Beach ที่เคยเล่าไปแล้ว เอามารวมไว้อีกรอบ เค้าจะเน้นกันที่ Brunch จานใหญ่มากกกกก ส่วนเมนูที่เห็นคนเค้าสั่งกันแทบทุกโต๊ะ เว้นกะเหรี่ยงสองคนก็คือ Poached Egg (ยังมีเรื่องของ Poached Egg จะเล่า แต่เอาไว้คราวหน้าละกันนะ)





ร้านต่อมา ที่เป็นฟาร์มวัวบนทางที่จะไป Phillip Island ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นถนน Princes Highway ถ้าใครรู้ก็บอกด้วยนะคะ ร้านนี้ที่เราไปแวะชิม Scone กะน้ำชาตอนบ่าย



ร้านต่อมาเป็นร้านญี่ปุ่นขายราเมน และอื่นๆ เมนูที่น้องแก้วและนายแม่ติดใจกันก็คือ ข้าวผัดปลาไหล กะเกี๊ยวซ่า เกี๊ยวซ่านี่อร่อยมากๆ ร้านอยู่ตรงทางเดินที่ทะลุจาก Melbourne Central ออกมาที่ Swanston St. ในร้านจะไม่ใหญ่มาก ผ่านทีไร ไม่ว่าจะกี่โมงก็มีคนกิน ยืนรอโต๊ะตลอด เหมือนจะการันตีความอร่อย ราเมนเค้าก็อร่อย มากินที่นี่ตั้งแต่ที่มาเที่ยวแมวเบิ้นคราวก่อนกะน้องกอแก้วแล้วติดใจ คราวนี้เลยมาซ้ำ ใกล้ๆกันก็มีร้านเครปอร่อยใช้ได้ แต่ไม่มีรูปมาโชว์นะ แถมร้านนี้อยู่ใกล้บ้านของบีมากๆ แค่ข้ามถนนมาก็ถึงล่ะค่ะ



ต่อไป... เป็นร้าน Italian ชื่อ Cafe Corretto ในย่าน Italian Town บน Lygon St. มีร้านอาหารเยอะมากๆ บางร้านออกแนวโหด แทบจะฉุดเข้าไปในร้านเลยทีเดียว เราก็เลยดุ่มๆเลือกมาร้านนึงที่ดูว่าคนกินเยอะๆ เป็นร้าน Pizza หน้าตาดี และอร่อย เครื่องถึงใจมาก ปุ๊สั่ง Bacon Pizza แบบว่าเบคอนทะลักเลยอ่ะ แถมสั่ง Pasta มาลองอีกจาน แต่ว่าก็งั้นๆ ปุ๊ทำเองยังอร่อยกว่านี้เยอะแยะมากมาย อิ อิ อิ...




ร้าน Italian อีกร้านที่เราตกหลุมเข้าไปชิม อยู่แถว Smith St. ที่เป็นย่าน Outlet ทั้งหลาย ร้านนี้อร่อยจริง ดูจะหรูนิดๆด้วยล่ะ แถมเจ้าของร้านและพ่อครัวในคนเดียวกันก็มารยาทงามมากๆ เรานั่งๆรออาหารกัน ก็มีรถพยาบาลจอดหน้าร้าน พร้อมหน่วยกู้ชีพวิ่งมาในร้าน ขึ้นไปชั้นบน หายกันไปซักพัก เจ้าของร้านก็เดินมาขอโทษใหญ่ว่า ข้างบนมีคนเป็นเบาหวานเกิดอาการกำเริบ เลยมีคนโทรเรียกรถพยาบาลมา น่าตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนอาหารก็อร่อย หน้าตาดีด้วยล่ะ ร้านนี้ชื่อว่า Mamma Vittoria ถ้าจำไม่ผิดนะ บังเอิญลืมถ่ายรูปป้ายหน้าร้านมาด้วย



ร้านสุดท้ายที่จะแนะนำในวันนี้ ชื่อร้าน Japanese Cafe Restaurant ร้านไม่ใหญ่อยู่บน Exhibition St. เยื้องๆกับ Rydges Hotel เรียกได้ว่าเป็นอาหารญี่ปุ่นที่เข้าขั้นเทพเลยทีเดียว มีเมนูน่าสนใจหลายๆอย่าง แต่ทีเด็ดที่ต้องลองเลย คือ Sushi Burger กินแล้วติดใจแบบต้องขอซ้ำเลยล่ะค่ะ ชอบมากกกกก ขวัญใจเด็กคาร์บที่ซู้ดดด

เมนูที่เราพิสูจน์มาแล้วว่าเริ่ดมาก ก็มี Age Takoyaki (อันนั้นเก็บรูปไม่ทัน กินกันเกือบหมดแล้ว เพิ่งจะนึกได้), Mini Shabu, Tonkatsu, Tempura Sushi Burger, Tempura Udon, Salmon Chirachi และ Spicy Tuna Sushi Burger ร้านนี้เนี่ยะ "สั่งเลย อร่อยทุกอย่าง" ของจริง










สำหรับใครที่จะมาเที่ยว Melbourne ยังมีร้านอาหารจีนอีกหลายร้านที่ขอแนะนำแต่ไม่มีรูปมาอวดนะคะ
- ร้าน Pacific อะไรซักอย่าง อยู่แถวๆ Chapel St. ย่านช้อปปิ้ง ร้านนี้เป็นอาหารจีนแนวฮ่องกง เป็ดย่างหนังกรอบบบบ อารมณ์แบบน้องๆเป็ดปักกิ่งเลย อาหารทะเลสดมากๆ วันก่อนลองหอย Pippi ก็อร่อยไม่ใช่เล่นๆ
- ร้าน MeKong แม่โขงนั่นเอง ร้านอาหารเวียตนาม อยู่บน Swanston St. มีรูปคนดังมากินมากมายเลยทีเดียว ถึงกะแปะไว้หน้าร้านว่า Bill Clinton had 2 bowls. How many can you have? เมนูเด็ดที่ขอแนะนำคือ เฝอ น้ำซุปอร่อยมาก เส้นก๋วยเตี๋ยวก็หนานุ่ม เคี้ยวกะถั่วงอกกรอบๆ และเนื้อชิ้นบางๆแล่วางไว้ด้านบน โอย... พูดแล้วหิว แล้วก็ไปกินช่วงเย็นๆน้ำซุปจะหวานอร่อยกว่าตอนกลางวันล่ะค่ะ
- A1 อยู่แถวๆ Chinatown เข้าใจว่าอยู่บน Russell St. ติดกะร้านขาย Asian Grocery อาหารจีนทั่วไป พนักงานออกจะดุหน่อย แต่อร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะพวกหม้อดินทั้งหลาย แล้วก็ไข่เจียว ผสมนู่นนี่หลายๆอย่างให้เลือก ลองสั่งกันได้ตามสบายไม่ต้องกลัวพลาดเลย
- Nam Loong อยู่ละแวกเดียวกะ A1 บนถนนเส้นเดียวกันเลยค่ะ เป็นแนวอาหารจีนทั่วไป รสชาติอร่อยทุกอย่าง เท่าที่ลองกินมายังไม่พลาดเลยนะ แถมวันก่อนเจอพนักงานหนุ่มๆหน้าใส คิกๆๆ น่ากินชะมัด หมายถึงอาหารในร้านนะคะ น่าไปกินชะมัด
- Rose Garden จำไม่ได้ว่าตรงนั้นเรียกว่าถนนอะไร อยู่ใกล้กะที่ทำงานของบี กลางวันไปกินคนเยอะเชียว เมนูอร่อยหลายอย่าง ทีเด็ดที่พลาดไม่ได้ก็คือ Spicy Chicken Ribs ไก่ทอดนะสุดยอดดดด KFC อายไปเลย กรอบมากๆ รสชาติเทพเลย แต่เตือนว่าอาหารจานใหญ่มากๆ ถ้ายัด เอ้ย.. กินหมดได้นี่ก็ขอยกให้ท่านเป็นเทพเหมือนกัน อย่างหมียักษ์กินสองจานก็เลยเป็น บุญเทพ คิกๆๆ (แถไปจนได้)
- Noodle Kingdom หรือที่เราเรียกกันเองว่า เตี๊ยวตี๋ เนื่องจากมีอาตี๋ยืนที่หน้าร้านที่เป้นกระจกเปิดให้ดูการทำเส้นก๋วยเตี๋ยวกันสดๆ อยู่ติดๆกันกะ A1 นั่นเอง เส้นก๋วยเตี๋ยวหนานุ่ม น้ำซุปก็อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว
- ไส้กรอกในตลาด Queen Victoria Market เป็นรสชาติของ Meat จริงๆไม่มีแป้ง เอามาย่างหนังกรอบ โอย.. อร่อยล้ำอีกแล้ว ย่างกินไปพร้อมๆกะ Lamb ที่ซื้อจากในตลาดเหมือนกันนะ ล้ำมากๆ

โอย... แย่แล้ว เห็นทีจะต้องหยุดเล่าเรื่องกินแล้วล่ะค่ะ เล่าแล้วหิว ขอลาไปกิน Sushi Burger ก่อนนะค้า...

Wednesday, September 12, 2007

นายแม่ อิน ออสซี่ ตอนที่ 5 - อาหารการกิน จากแม่ครัวไทยชาววัง

เนื่องจากปุ๊ว่าง ไม่มีไรทำ แถมยังชอบกิน และชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว ช่วงนี้บีก็เลยพลอยประหยัดค่าข้าวไป มื้อกลางวัน มื้อเย็น เดินกลับมากินที่บ้านแล้วบ้านทั้งที่เก่าและที่ใหม่ก็ไม่ไกลจาก office ของบีซักเท่าไหร่ ยิ่งบ้านใหม่นี่ ปุ๊ชอบมากๆ เดินลงมาข้างล่างในตึกเองก็เจอซุปเปอร์ขนาดใหญ่ชื่อ Safe Way และ Big W แถมยังมีร้านจีนที่มีของกินครบครันจากทุกประเทศในเอเชีย (แขกนี่ไม่น่าจะนับรวมญาติด้วยนะ)วันนี้ยังไม่ค่อยมีอารมณ์เขียนสูตรการทำอาหารเท่าไหร่ เพราะต้องเตรียมตัวเก็บของกลับบ้านแล้ว ยังไม่รู้จะยัดบรรดาของฝากทั้งหลายลงเป๋าได้หมดมั้ย คงต้องใช้วิทยายุทธการนั่งทับเป๋าอีกเช่นเคย เอาเป็นว่า ไว้ใครอยากได้สูตรทำเมนูไหนก็บอกมาละกัน แล้วจะเขียนให้นะค้า...

วันนี้เอาเป็นว่าดูรูปยั่วน้ำลายกันไปก่อนละกัน ที่จริงยังมีอีกหลายเมนูที่ทำกินกัน แต่ด้วยความตะกละ เอ้ย... ความหิว ก็เลยรีบซัดกัน กว่าจะนึกได้ว่าลืมถ่ายรูป ก็เกลี้ยงจานซะแล้ว หรือบางรูปอาจจะมัวไปหน่อย เพราะรีบถ่าย มือสั่นด้วยความหิว ต้องขออภัยด้วยนะคร้าบพี่น้องงง

เมนูช่วงแรกๆนี่จะเน้นไข่เป็นหลัก เพราะบีมีไข่อยู่โหลนึง และเราพยายามกินให้หมดจะได้ไม่ต้องขนไปบ้านใหม่ด้วย แหะ แหะ... ดังนั้น ก็เลยมีทั้ง French Toast ไข่ต้ม Scramble Egg แต่ไม่เน้นไข่ดาวเพราะน้ำมันกระเด็นเยอะ เหนื่อยมากไป


หมูย่างซีอิ้วกะไข่ต้มยางมะตูม (ไข่นี่เยิ้มมากๆ ขอบอกกก)

กระเพราไก่ราดข้าว สำหรับมื้อกลางวัน ให้อารมณ์เหมือนกินร้านตามสั่งแถวบ้านดี

มื้อเย็นขอแบบอลังนิ๊สนึง ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ แถมด้วยกระเพรากุ้งปลาหมึก (เส้นขนมจีนนี่ใช้เส้นโซบะแทนนะจ๊ะ)



ตบท้ายด้วยของหวาน บัวลอย แต่ไม่มีไข่หวานนะ เนื่องจากเป็นช่วงเบื่อไข่

มื้อเย็นอีกวัน ฉู่ฉี่กุ้งปลาหมึก กะหมูทอดกระเทียม



พอมาดูรูปแบบนี้แล้วถึงได้รู้ตัวว่า ลืมถ่ายรูปไปเยอะมาก เพราะยังมีอีกหลายเมนูยอดฮิตที่ทำกินบ่อยๆ ขอแก้ตัวด้วยรูปอาหารการกินจากร้านอาหารในแมวเบิ้นแทนในตอนหน้าละกันนะจ๊ะ

Tuesday, September 11, 2007

นายแม่ อิน ออสซี่ ตอนที่ 4.3 - เมือง "อ้วก" วันสุดท้ายแล้วจ้า

เฮ้อ... กว่าจะผ่านมาได้แต่ละด่านช่างสาหัสนัก ชาวเราต้องรวมใจกันสู้ต่อไปอีกหนึ่งวัน วันอาทิตย์เป็นวันสุดท้ายที่เราจะเที่ยวเมือง Cairns พอค่ำๆก็แยกย้ายกันกลับ พี่อรก็กลับ Sydney ส่วนปุ๊กะบีก็กลับ Melbourne วันนี้ตามแผนของชาวเราคือ ไปขึ้น Sky Rail เป็นแบบกระเช้าลอยฟ้าอ่ะ แล้วก็จะมีจุดแวะเที่ยวตามทาง ใช้เวลาไม่นานนักจะได้กลับมาทันไปขึ้นเครื่องกลับกัน

จากโรงแรมก็ check out ทะเลาะกะพนักงานพอเป็นพิธี แล้วก็ไปขึ้นรถที่เช่ามา ขับตรงไปยัง Caravonica Terminal เพื่อขึ้น Sky Rail จ่ายเงินแล้ว เค้าก็มีแผนที่ให้มา เพื่อให้เราดูว่าระหว่างทางนั้นมีอะไรบ้าง

พอขึ้นกระเช้าไปได้ แรกๆเราก็ยังตื่นเต้น ถ่ายรูปกันใหญ่ กระเช้าจะไต่ขึ้นเขาไปมีต้นไม้เต็มไปหมด ดูวิวไป consult แผนที่ไปว่า มันเป็นต้นอะไรกันบ้าง ดูดี อินกะทำมะชาดไม่หยอก กระเช้าไต่ๆไปเรื่อยๆ เอิ่ม... ชักจะสูง และสูง และสูง บางทีมีโยก ก็ลมมันแรง เล่นเอาทั้งหวาดเสียว และชวนอ้วกกันได้อีกแล้ว ไม่รู้มันเป็นยังไงสิไอ้เมืองนี้ มันจะให้อ้วกกันทุกวันเลยหรือไง เอ้า... บ่นมากจะเหนื่อย ดูรูปแล้วกันนะค้า...









แล้วก็มาถึงจุดแวะเที่ยวอันแรก Red Peak Station เป็นยอดเขาที่เราไต่กันขึ้นมา พอหยุดลงไปก็มีให้เดินดูป่าเขาลำเนาไพรที่เค้าโคดสะนาว่าเป็น well-developed rainforest ป่าอีกแล้ว แวะถ่ายรูปกันพอเป็นพิธี แล้วก็กลับขึ้นกระเช้าเดินทางต่อ




จาก Red Peak Station เราก็เดินทางต่อไปที่ Barron Falls Station จุดนี้ก็เป็นป่าที่เป็น World Heritage เหมือนกัน แถมมองเห็นน้ำตก แลดูสวยงาม ยิ่งใหญ่ อลังการ ตระการตา น่าพิศวง งงงวย (เอิ่ม... อันหลังนี่เป้นเพราะกระเช้ามันโยกอ่ะนะ)







จาก Barron Falls ก็มาถึงจุดแวะสุดท้าย เป็นหมู่บ้านชื่อ Kuranda เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีร้านอาหารและร้านขายของเล็กน้อย แล้วก็มีรถไฟ และทางเดินให้ชมวิวของป่า และแม่น้ำ Barron River สวย เก๋ น่ารักดีเชียว







ทีเด็ดของที่นี่อยู่ตอนที่เราเดินไปในตลาด มีร้านขายลูกอม แบบใช้มือทำเลย เดินเข้าไปตอนแรกก็เห็นร้านน่ารักดี ไม่ได้คิดจะซื้ออะไร แป๊บนึงก็เห็นเจ้าของร้านสองคน คุณลุงกะคุณป้าทำลูกอมอวด คุณป้าบอกว่า ที่เค้าทำเป็นลูกอมที่มีผู้ชายคนนึงมาสั่งทำเป็น Marriage Proposal ให้เขียนว่า "Carissa Marry Me" ไอเดียเก๋ไก๋ น่ารักเป็นที่สุด คุณป้าบอกว่า เป็นครั้งแรกที่ทำ Proposal candy ปกติเค้าจะทำลูกอมแบบของขวัญวันแต่งงาน จะสั่งทำทีก็ต้อง 10 kg. ขึ้นไป อยากรู้จังว่าผู้หญิงคนนั้น เค้าต้องอมลูกอมไปเยอะแค่ไหนกว่าจะตอบ YES! ปุ๊ว่า คงจะอมไปจนมีลูกสามคนเลยมั้งกว่าจะหมดสิบโล อิ อิ... คุณป้าเค้าใจดี เอามาแจกให้ทั้งไทยมุงและฝรั่งมุงที่ยืนดูแกทำมานานด้วยล่ะค่ะ

ที่ร้านนี้เราถ่ายรูปกันทุกขั้นตอนเลยทีเดียว เปรียบเสมือนว่า เราจะมาหัดทำเองที่บ้าน ถ่ายรูปกันจนแบตหมดที่ร้านคุณป้านี่เอง ด้วยความที่ยืนดูและถ่ายรูปกันเยอะมากก็เลยซื้อลูกอมเค้ามาชิม อร่อยดีล่ะ เห็นวิธีเค้าทำกันแล้วเนี่ยะ จะกินลูกอมแต่ละเม็ดต้องคิดถึงหน้าคุณลุงคุณป้าเค้าก่อนกินด้วยนะ










อ่อ... เกือบลืมเล่าไป นอกจากการชวนอ้วกทั้งทางบก ในน้ำ และบนฟ้าแล้ว ไอ้เมืองนี้มันยังมีวงเวียน ไฟแดงมีไม่ค่อยเยอะ แต่หนักไปทางวงเวียน ถูกต้องแล้วครับ วงเวียน เยอะมากกกกกกกกกกกกก มากที่สุดที่เคยเห็นมาในชีวิ๊ดดด ของชาวเราทั้สามคนเลย แค่คิดถึงก็อยากจะแหวะขึ้นมาได้เลยทีเดียว เมือง Cairns นี่ขอเรียกว่า ชวนให้เวียนหัวจะอ้วกกันทุกที่ในเมืองนี้เลยคร้าบพี่น้องงงง